Dying Light เกมตัวล่าสุดที่ปล่อยออกมาให้เล่นจากทีม Techland ที่เคยเรียกเสียงฮือฮาโดยเฉพาะเกมเมอร์ที่เสพซอมบี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ด้วยลูกเล่นในโลก open world ที่ถอดแบบมาจาก Dead Island ผสมเข้ากับการวิ่งแบบ free-running หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าปาร์กัว และในตอนนี้ผมได้มีโอกาสเล่นเกมตั้งแต่ต้นจนจบในโหมด Campaign จึงขอเขียนความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเกมนี้แบบตรงๆไม่อ้อมค้อม แต่ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทาง GR8KEY ที่เอื้อเฟื้อส่งตัวเกมมาให้ทางเราได้รีวิวครับ
เริ่มแรกเลยเป็นเหตุการณ์ที่หน่วยงานชื่อว่า GRE ส่งตัวเรา Kyle Crane ไปยังเมือง Harran ที่เกิดกรุแตกซอมบี้ ทำไมจึงเกิด สาเหตุเกิดจากอะไร เป็นไปตามสูตรสำเร็จโลกของซอมบี้คือ …ไม่มีการบอกอะไร แต่เรื่องนั้นไม่ได้เป็นปัญหาและคงไม่มีใครมานั่งคิดแน่นอน หน้าที่ของเราคือการนำไฟล์เอกสารสำคัญฉบับลับเฉพาะที่กุมความลับของ GRE ไว้ โดยผู้ที่ครอบครองคือ Kadir Suleiman เพียงแต่ว่าหนทางให้การทำภารกิจไม่ได้ราบรื่น ตัวเกมได้นำเสนอฉากโหดร้าย การสูญเสีย
การดิ้นรนเอาตัวรอดโดยเฉพาะตัวเราที่ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่ง Antizin วัคซีนที่ช่วยให้ผู้ถูกซอมบี้กัดยังคงเป็นมนุษย์ได้ชั่วคราว เกมนำเสนอเรื่องราวในภาพรวมๆได้อย่างยอดเยี่ยม เว้นเสียแต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเราและตัวละครอื่นในเกมที่ออกแนวรู้จักกันแป้ปเดียวแล้วก็จากไปไม่ได้รู้สึกอินแม้จะเป็นตัวละครสำคัญ อารมณ์แบบว่าตัวเราในเกมเศร้าโศรกจะเป็นจะตาย แต่อารมณ์ร่วมของผมกลับรู้สึกเฉยๆ ส่วนรายละเอียดลงลึกเกี่ยวกับเนื้อเรื่องผมไม่ขอพูดถึง อยากให้ได้ลองเล่นกันดู หากถามความรู้สึกโดยรวมด้านเนื้อเรื่องผมคงให้คำจำกัดความว่า ‘ไม่หวือหวา แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อ’
Dying Light เปิดตัวฉากแรกได้อย่างอลังการยิ่งใหญ่ให้ความรู้สึกว่านี่เป็นเมืองที่ตัวผมจะสามารถกระโดดไต่ไปมาราวกับเป็นลิงได้ไม่รู้เบื่อ ถามว่าอะไรคือสิ่งที่ผมชื่นชอบที่สุดในเกมนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของโลกภายในเกม เมืองที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา การจัดวางสภาพแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกว่าทำอย่างประณีตไม่ได้วางมามั่วๆ ทำให้เกิดการสัมพันธ์กับการวิ่งกระโดดไปมาของตัวละครไม่เกิดการติดขัด ตัวอาคารจะมีตั้งแต่กระท่อมไปจนถึงตึกระฟ้า หน้าผา สิ่งปลูกสร้างที่ยังไม่เสร็จ
ผมเพลินไปกับการวิ่งเพื่อไปยังเป้าหมายพร้อมๆไปกับแสงแดดสาดส่องแยงลูกตายามเย็น ให้ความรู้สึกว่าโลกในเกมที่โหดร้ายยังคงมีความงดงามให้มองอยู่บ้าง แถมตัวอาคารสามารถเข้าไปสำรวจค้นหาไอเท็มได้คือมันดูละเอียดอย่างแท้จริง เหตุนี้เกมจึงดูมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่การกระโดดโหยงๆแล้วตีหัวซอมบี้ไปมา ด้วยเหตุนี้ผมจึงยกเรื่องสภาพแวดล้อมการออกแบบโลกของเกมคือสิ่งที่ดูดีที่สุดของ Dying Light
แต่ที่ผมกล่าวมานี้มันก็ไม่ได้รู้สึกว่ายากในการจัดการ อีกทั้งตัวเกมได้นำเสนอลูกเล่น free-running ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็ว เหตุนี้จึงเป็นการลดการปะทะเหล่าซอมบี้ระหว่างทางไปได้เยอะเลยล่ะ หากถามว่า Dying Light ต่างจาก Dead Island ยังไง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างครับ เน้นวิ่ง ไม่ได้เน้นปะทะ …แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพราะการฟาดฟันซอมบี้จะทำให้เราได้ค่าประสบการณ์เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อนำแต้มมาอัพสกิลนั่นเอง กล่าวคือถ้าชอบอะไรที่เป็น sandbox ไม่สนใจภารกิจหลัก Dying Light มีอะไรให้ทำค่อนข้างเยอะครับ เพราะตัวเกมจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบสุ่มประปรายเช่นวิ่งไปเก็บสะเบียงที่ส่งมาจากบนฟากฟ้า ,คอยช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังต่อสู้ซอมบี้ หรือการปราบเหล่าอันธพาลที่คอยรังแกเพื่อนมนุษย์
ร่ายมายาวขนาดนี้จะให้ชมอย่างเดียวคงไม่ดี เพราะสิ่งที่ผมผิดหวังไปเลยในเกมนี้ก็เห็นจะเป็นระบบการเคลื่อนไหว จริงอยู่ว่าผมสามารถกระโดดข้ามตึก ไต่กำแพง สไลด์ตูดถูพื้นได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ด้วยการที่เกมนำเสนอ free-running สิ่งที่ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นกลับไม่ได้เห็น …เคยดูหนัง District 13 ที่ David Belle แสดงไหมครับ? อันนั้นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม คือไม่ได้กะให้เกมเคลื่อนไหวแบบในหนังเป๊ะๆแต่ขอแค่บางส่วนก็ยังดี ในบรรทัดด้านบนจะเห็นว่าผมพิมพ์ไปว่า กระโดดข้ามตึก ไต่กำแพง สไลด์ตูดถูพื้น
เรื่องก็คือโดยรวมของเกมแล้วการเคลื่อนไหวมันมีประมาณนี้จริงๆ การกระโดดเด้งกำแพงสองชั้นอันนี้ไม่เห็น การวิ่งราบไปกับกำแพงอันนี้ก็ไม่มี ผมไม่อยากหยิบเกม Mirror’s Edge มาเปรียบเทียบแต่อดไม่ไหวจริงๆ ซึ่งเกมหมวยไต่ตึกทำไว้ได้ดีมากและผมยังคงยืนกรานว่ามันทำได้ดีกว่า Dying Light ในเรื่องการเคลื่อนไหวที่ดูพริ้วต่อเนื่องและมีหลายรูปแบบ แต่เกมซอมบี้นี้นอกจากจะมีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ดูบ้านๆแล้วผมยังรู้สึกติดขัดไม่ต่อเนื่องในตอนที่ต้องไต่ขึ้นที่สูงบางจุดของเกม แม้ทาง Techland ได้นำ David Belle มาให้คำแนะนำก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจเท่าใดนักใน
จุดนี้ แต่ถ้าหากมองในมุมไม่ซีเรียสเรื่องการเคลื่อนไหวของเกมเอาแค่ที่เกมนำเสนอมา ผมมองว่ามันเวิร์คและยังคงดูลงตัวแฮะ ใครจะไปคิดว่าเกมซอมบี้ที่แพทเทิร์นคล้ายๆกันซึ่งออกมาทุกปีจะมีการหยิบการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วใส่เข้ามาในเกม เพราะปกติเรามักคุ้นชินกับการปะทะซอมบี้ตรงๆชนิดเรียงหน้าเข้ามา แต่เกม Dying Light แค่การวิ่งกระโดดข้ามตึกที่ด้านล่างมีแต่ซอมบี้โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมัน …มันก็สนุกไปอีกแบบนะเออ
cr. www.juropy.com/2015/02/review-dying-light-
Blogger Comment